เจตนาที่มองไม่เห็น

ตัวอักษรบอกเจตนาไม่ได้ มันไม่มีน้ำเสียงกำกับ เพราะฉะนั้นคำหรือประโยคที่พิมพ์ไปมันอยู่ที่คนอ่านเขาจะคิดและตีความหมายไปเองว่าเราจะสื่ออะไร และบางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นคิดไปอีกทางและตอบโต้กลับมาด้วยการขัดแย้งกับเจตนาที่แท้จริง ถ้าเป็นนี้เราไม่ได้ควรพิมพ์คุยกันน้อยลงหรอ และการเขียนล่ะทำไมมันดูเหมือนจะสื่ออะไรได้มากกว่า ทว่าความจริงแล้วพิมพ์คือการส่งผ่านนิ้วหรือแป้นพิมพ์ที่บอกไม่ได้ว่าเราตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่การเขียนที่ส่งผ่านลายมือของความรู้สึกมันแสดงให้เห็นอะไรได้มากกว่าเพราะมันยังทำให้เห็นถึงเอกลักษณ์ที่เมื่อคนอ่านแล้วก็สามารถรู้ได้ว่าใครเขียนและต้องการจะสื่ออะไร ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่แค่คิดอะไรก็พิมพ์ลงในช่องเล็กๆและบอกให้คนอื่นรู้ โดยที่นับความสนใจและการถามไถ่ผ่านคนที่ไม่รู้เจตนาแท้จริงของเราเลยแม้สักนิดเดียว บางครั้งบางเรื่องเราควรเขียนมันลงใส่กระดาษใจว่าเก็บมันไว้และจัดการกับมันให้ดีที่สุด ดีกว่าช่องเล็กๆที่ไม่เคยเจอตัวเราและบางครั้งมันก็เปิดเผยมากจนเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้พอเรามีความทุกข์ก็เอาแต่จะระบายไปแบบไม่ได้กลั่นกรอง หลักฐานออนไลน์มันทิ้งร่องรอยไว้นาน มันก็หาเจอได้ง่ายเหมือนที่เรากดแป้นพิมพ์โดยที่มันไม่มีเสียงบอกเจตนาเราได้ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น